partmanman

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลีย (University of East Anglia) เตือน ภาวะโลกรวนทำระดับน้ำทะเลสูงขึ้นในอังกฤษ และอาจส่งผลให้พื้นที่พักอาศัยที่อยู่ติดกับชายฝั่งกว่าสองแสนแห่งตกอยู่ในความเสี่ยงจมน้ำในอีก 30 ปีข้างหน้า . Sir James Bevan หัวหน้าสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยผลการวิจัยล่าสุดว่า พื้นที่ที่มีความเสี่ยงจมน้ำสูงสุดได้แก่ North Somerset, Sedgemoor, Wyre และ Swale ในขณะที่การป้องกันบ้านจากระดับน้ำที่สูงเพิ่มมากขึ้นเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากวิธีต่าง ๆ ที่จะสามารถช่วยป้องกันระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นได้ เช่น การทำกำแพงกันคลื่นทะเล และการป้องกันชายฝั่ง มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ดังนั้นผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวทั้งหมดจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากย้ายไปยังพื้นที่ห่างไกลจากชายฝั่ง เนื่องด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวนผิดปกติอย่างต่อเนื่องเป็นสาเหตุให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งทำให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงน้ำท่วมได้อีกต่อไป โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 ระดับน้ำทะเลในอังกฤษจะสูงขึ้นประมาณ 35 เซนติเมตร อีกทั้งยังเกิดการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งจะทำให้คลื่นสูงขึ้นไปอีก โดยเ

สเปนร้อนระอุ ผู้คนพบลูกนกแอ่นนับร้อยตัวเสียชีวิตอยู่บนทางเท้า คาดสาเหตุมาจากคลื่นความร้อน เพราะในช่วงนี้ สเปนมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 42 องศาฯ อาสาสมัครเร่งช่วยเหลือนกที่หิวน้ำ-ขาดอาหาร ส่งเข้าศูนย์ฟื้นฟูสัตว์ป่าไปแล้วกว่า 400 ตัว เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมามีรายงานว่า ทางตอนใต้ของสเปนพบลูกนกแอ่น (swift) ซึ่งเป็นสัตว์คุ้มครอง เสียชีวิตหลายร้อยตัว หลังจากที่พวกมันพยายามบินออกจากรังเพื่อหลบหนีสภาพอากาศที่ร้อนจัด โดยผู้คนในเมือง Seville และ Córdoba เผยว่า พบลูกนกเพิ่งฟักหลายสิบตัวอยู่ทั่วทางเท้า  Elena Moreno Portillo นักชีววิทยาจากองค์กร Ecourbe อธิบายว่า นกเหล่านี้มักทำรังอยู่ตามฟาซาดตึก หรือช่องใต้หลังคา แต่เพราะว่าตึกส่วนใหญ่ถูกสร้างจากคอนกรีตและแผ่นเหล็ก จึงอมความร้อน และกลายเป็นเตาอบ ลูกนกที่ยังบินไม่ได้จึงพยายามหนีออกมาเพราะทนความร้อนไม่ไหว และ “พวกมันกำลังถูกย่างทั้งเป็น” แหล่งข่าวยังเปิดเผยอีกว่า คลื่นความร้อนในปีนี้เริ่มต้นขึ้นเร็วที่สุดในรอบ 40 ปี และบังเอิญตรงกับช่วงที่ลูกนกแอ่นฟักออกจากไข่ ทั้งนี้ อาสาสมัครในเมือง Seville และ Córdoba ซึ่งมีอุณหภูมิสูงสุดประมาณ 42 องศาเซลเซียส ได้เร่งช่ว

คอนกรีตจักรวาล AstroCrete วัสดุคล้ายคอนกรีตที่ทำจากฝุ่นนอกโลก พร้อมด้วยเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตาของนักบินอวกาศ (นวัตกรรมนี้มาจากนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Manchester ซึ่งมุ่งมั่นที่จะจัดการกับปัญหาและค่าใช้จ่ายในการส่งวัสดุก่อสร้างสู่อวกาศ)Cr. University of Manchester การขนส่งอิฐก้อนเดียวไปยังดาวอังคารอาจมีค่าใช้จ่ายมากกว่าหนึ่งล้านปอนด์ ทำให้การก่อสร้างอาณานิคมของดาวอังคารในอนาคตอาจมีราคาแพงมาก นักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Manchester จึงได้พัฒนาวิธีการแก้ปัญหานี้ โดยการสร้างวัสดุคล้ายคอนกรีตที่ทำจากฝุ่นนอกโลก พร้อมด้วยเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตาของนักบินอวกาศ ในการศึกษาของพวกเขา ซึ่งตีพิมพ์ในวันที่ 13 ก.ย.2021 ที่ผ่านมาในวารสาร Materials Today Bio ระบุว่า โปรตีนจากเลือดมนุษย์เมื่อรวมกับเหงื่อ หรือน้ำตา และสารประกอบจากปัสสาวะ สามารถเป็นกาวติดดินของดวงจันทร์หรือดาวอังคารเข้าด้วยกันได้ เพื่อผลิตวัสดุที่แข็งแรงกว่าคอนกรีตธรรมดาที่เรียกว่า " AstroCrete " ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานก่อสร้าง ในสภาพแวดล้อมนอกโลก ค่าใช้จ่ายในการขนส่งอิฐก้อนเดียวไปยังดาวอังคารอยู่ที่ประมาณ 2 ล

นักวิทย์ฯ ค้นพบพืชที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก! ระบุคือ ทุ่งหญ้าทะเลอายุ 4,500 ปี นอกชายฝั่งออสเตรเลียตะวันตก นักวิทย์ฯ ค้นพบพืชที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก! ระบุคือ ทุ่งหญ้าทะเลอายุ 4,500 ปี ที่กินเนื้อที่กว่า 200 ตารางกิโลเมตรนอกชายฝั่งออสเตรเลียตะวันตก พบเติบโตมาจากต้นเดียวกัน แต่ขยายเหง้าไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นทุ่ง นักวิจัยค้นพบพืชที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งก็คือทุ่งหญ้าทะเล Posidonia australis ขนาด 200 ตารางกิโลเมตร ที่เติบโตอยู่ใน Shark Bay ทางชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย โดยการค้นพบนี้เกิดขึ้นหลังจากที่นักวิจัยจาก University of Western Australia ทำการตรวจหาความแตกต่างในระดับพันธุกรรมภายในทุ่งหญ้าทะเลแห่งนี้ จากการตรวจสอบพวกเขาพบว่า ทุ่งหญ้าทะเลนี้เติบโตมาจากต้นหญ้าทะเลเพียงต้นเดียวเท่านั้น ซึ่งมันน่าจะขยายความใหญ่โดยการแพร่เหง้า หรือรากไปเรื่อย ๆ เนื่องจากหญ้าทะเล P. australis มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 35 เซนติเมตรต่อปี นักวิจัยจึงคาดว่า กว่าต้นหญ้าทะเลจะแผ่ขยายได้ถึงขนาดนี้ ก็น่าจะใช้เวลานานถึง 4,500 ปี เลยทีเดียว ดร. Elizabeth Sinclair ผู้เชี่ยวชาญด้านหญ้าทะเลเผยว่า สภาพแวดล้อมใน

มนุษย์ไม่เพียงทำให้โลกร้อนขึ้น แต่เรากำลังทำให้สภาพภูมิอากาศโลกยุ่งเหยิง งานวิจัยชิ้นใหม่แสดงความเป็นไปได้ของผลกระทบจากมนุษย์ต่อสภาพภูมิอากาศ โดยชี้ให้เห็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นหากเราไม่เร่งแก้ไขปัญหาโลกรวน และลดก๊าซเรือนกระจก โลกของเราเผชิญการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสภาพภูมิอากาศตามยุคหรือช่วงต่างๆ โดยการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยภายนอก อย่างการเปลี่ยนแปลงของการโคจรของโลก หรือการที่ภูเขาไฟเกิดการปะทุระเบิดอย่างรุนแรง งานวิจัยก่อนหน้านี้ชี้ว่า เรากำลังเข้าสู่เฟสของการเปลี่ยนผ่านของรูปแบบสภาพภูมิอากาศ ที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกมหาศาลสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้เราเข้าสู่ยุค Anthropocene ซึ่งเป็นยุคที่กิจกรรมของมนุษย์ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศโลก แบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน . ในการศึกษาชิ้นใหม่ นักวิจัยได้ใช้ยุค Anthropocene เป็นหนึ่งในเฟสของการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบของระบบสภาพภูมิอากาศ โดยปกติโลกมีรูปแบบสภาพภูมิอากาศ ที่มีสภาพอากาศ ฤดูกาลที่สามารถคาดการณ์ได้ แต่เมื่อสภาพภูมิอากาศอยู่ในเฟสการเปลี่ยนผ่าน ก็จะเผชิญการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอย่างรวดเร็ว . หากกิจกรรมของมนุษ

เกล็ดหิมะอัญมณี (Diamond dust) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันสวยงาม ที่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเงื่อนไขทางสภาพอากาศหลาย ๆ อย่างบรรจบกันพอดี อย่างเช่นอยู่ในช่วงฤดูหนาวที่มีความหนาวเย็นสูงสุดเท่านั้น ในตอนเช้าอากาศแจ่มใสอุณหภูมิต่ำกว่า -10 องศาเซลเซียส และอยู่ในสภาพที่ไม่มีลมพัด ไอน้ำจะแข็งตัวอย่างรวดเร็วกลายเป็นหยดน้ำแข็งก่อนที่จะกลายเป็นหมอก หยดน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนที่ร่วงปลิว สะท้อนเข้ากับแสดงแดดทำให้เกิดปรากฏการณ์แสงสะท้อนเกล็ดหิมะที่ส่องประกายระยิบระยับจนถูกเรียกว่า Diamond dust ช่วงที่เหมาะสมในการชมคือเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ แหล่งที่มีเงื่อนไข ที่จะทำให้เกิดปรากฏการณ์เกล็ดหิมะอัญมณี (Diamond dust) ขึ้น ได้แก่ อุณหภูมิต้องต่ำกว่า -10 องศาเซลเซียส ไม่มีลม อากาศแจ่มใส ช่วงฟ้าสาง หรือ พลบค่ำ สถานที่ที่มีเงื่อนไขครบแบบนี้มีไม่มาก จึงเป็นปรากฏการณ์ที่ล้ำค่ามาก ในจังหวัดฮอกไกโด ได้แก่ บริเวณเมืองอะซะฮิคะวะ (Asahikawa) เมืองนะโยะโระ (Nayoro) บริเวณโทคะจิ (Tokachi) และ คาวะยุอนเซ็น (Kawayu Onsen)ในเมืองเทะชิคะงะ (Teshikaga) เป็นต้น จริงๆ แล้วที่ฮอกไกโดก็มีอุปกรณ์ที่ใช้สร้าง เกล็ดหิมะอ

👉🏾วิจัยพบคาร์บอนเพิ่มสูงรวดเร็วในอดีต เป็นสาเหตุที่ทำให้ออกซิเจนในทะเลลดลง บ่งชี้ถึงชะตาโลกหายนะในอนาคตเราก็อาจเดินทางสู่ชะตาเดียวกัน 👉🏿 วิจัยพบหลักฐานว่าเมื่อหลายร้อยล้านปีที่แล้ว เหตุการณ์คาร์บอนเพิ่มสูงรวดเร็วเป็นสาเหตุที่ทำให้ออกซิเจนในทะเลลดลง ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพในวงกว้าง ชี้หากโลกปัจจุบันยังอบอุ่นขึ้น เราก็อาจเดินทางสู่ชะตาเดียวกัน ตั้งแต่ที่โลกได้ถือกำเนิดขึ้น สภาพภูมิอากาศบนโลกมีการสลับสับเปลี่ยนระหว่างช่วงอากาศหนาวเย็น และช่วงอากาศอบอุ่น ที่วนเวียนกันเป็นวัฏจักร ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โลกได้ผ่านยุคน้ำแข็งมาแล้วถึง 5 ครั้งใหญ่ โดยเรากำลังอยู่ในยุคน้ำแข็งที่ 5 หรือยุคน้ำแข็งควอเทอร์นารี ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 2.7 ล้านปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน มนุษย์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากออกมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งหนึ่งในครั้งที่โลกต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันนั้น เกิดขึ้นราว 304 ล้านปีที่แล้วในช่วง Kasimovian-Gzhelian boundary (KGB) ซึ่งเป็นช่วงที่คาร์บอนในชั้นบรรยากาศ เพิ่มจาก 350 ส่วนในล้านส่วน (parts per million, ppm) มาเป็น 700 ส่วนในล้านส่วน ภายในเว