บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ ภาวะโลกรวน

เอลนีโญเริ่มแล้วในมหาสมุทรแปซิฟิก! ทำให้โลกร้อนขึ้นจากที่ก็ร้อนอยู่แล้วจากภาวะโลกรวน และจะทำให้ปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดของโลก

รูปภาพ
เอลนีโญเริ่มแล้วในมหาสมุทรแปซิฟิก! ทำให้โลกร้อนขึ้นจากที่ก็ร้อนอยู่แล้วจากภาวะโลกรวน และจะทำให้ปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดของโลก  เอลนีโญเริ่มแล้วในมหาสมุทรแปซิฟิก! อาจทำให้โลกร้อนขึ้นจากที่ก็ร้อนอยู่แล้วเพราะภาวะโลกรวน และทำให้ปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดของโลก เอลนีโญ (El Niño) เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรสภาพอากาศเอนโซ่ (ENSO) ที่สลับกับ ลานีญา ทำให้ภูมิภาคทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลียแห้งแล้ง แต่กลับมาฝนตกหนักที่ทวีปอเมริกาใต้แทน โดยปกติแล้วปรากฏการณ์เอลนีโญจะเกิดขึ้นทุก ๆ 3-5 ปี แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยหรือน้อยกว่านั้น  ตอนนี้เอลนีโญได้เริ่มขึ้นแล้ว จนถึงปีหน้า และได้สร้างความกังวลให้นักวิทยาศาสตร์มากว่าจะทำให้อุณหภูมิโลกที่สูงจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง สูงขึ้นอีกเกินลิมิต 1.5 องศาเซลเซียสที่ตั้งกันไว้ เพราะเอลนีโญสามารถเพิ่มอุณหภูมิให้โลก 0.2 องศา  นักวิทยาศาสตร์ยังกังวลอีกว่าปรากฎการณ์เอลนีโญ่ที่เกิดปีนี้จะทำให้ปี  2024 อุณหภูมิสูงขึ้นทุบสถิติ Adam Scaife จากกรมอุตุของสหราชฮาณาจักรเผยว่า “สถิติใหม่ในปีหน้าจะเกิดขึ้นขึ้นอยู่กับว่าปีนี้เอลนีโญ่รุนแรงแค่ไหน ถ้ารุนแรงมากในช

นักวิทยาศาสตร์(University of East Anglia) เตือน ภาวะโลกรวนทำระดับน้ำทะเลสูงขึ้นในอังกฤษ2050 ระดับน้ำทะเลในอังกฤษจะสูงขึ้น

รูปภาพ
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลีย (University of East Anglia) เตือน ภาวะโลกรวนทำระดับน้ำทะเลสูงขึ้นในอังกฤษ และอาจส่งผลให้พื้นที่พักอาศัยที่อยู่ติดกับชายฝั่งกว่าสองแสนแห่งตกอยู่ในความเสี่ยงจมน้ำในอีก 30 ปีข้างหน้า . Sir James Bevan หัวหน้าสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยผลการวิจัยล่าสุดว่า พื้นที่ที่มีความเสี่ยงจมน้ำสูงสุดได้แก่ North Somerset, Sedgemoor, Wyre และ Swale ในขณะที่การป้องกันบ้านจากระดับน้ำที่สูงเพิ่มมากขึ้นเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากวิธีต่าง ๆ ที่จะสามารถช่วยป้องกันระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นได้ เช่น การทำกำแพงกันคลื่นทะเล และการป้องกันชายฝั่ง มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ดังนั้นผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวทั้งหมดจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากย้ายไปยังพื้นที่ห่างไกลจากชายฝั่ง เนื่องด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวนผิดปกติอย่างต่อเนื่องเป็นสาเหตุให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งทำให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงน้ำท่วมได้อีกต่อไป โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 ระดับน้ำทะเลในอังกฤษจะสูงขึ้นประมาณ 35 เซนติเมตร อีกทั้งยังเกิดการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งจะทำให้คลื่นสูงขึ้นไปอีก โดยเ

เลขาธิการ UN ระบุ ภายใน 5 ปี ทุกพื้นที่บนโลกควรมีระบบเตือนภัยพิบัติ เพื่อรองรับสภาพภูมิอากาศสุดขั้ว-ภัยจากภาวะโลกรวนในอนาคต

รูปภาพ
เลขาธิการ UN ระบุ ภายใน 5 ปี ทุกพื้นที่บนโลกควรมีระบบเตือนภัยพิบัติ เพื่อรองรับสภาพภูมิอากาศสุดขั้ว-ภัยจากภาวะโลกรวนในอนาคต  ชี้ระบบเตือนภัยล่วงหน้าเพียง 24 ชม. ก็สามารถช่วยลดความเสียหายได้มากกว่าที่คิด António Guterres เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ออกมาระบุว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า ทุกคนบนโลกควรจะได้รับการครอบคลุม ภายใต้ระบบเตือนภัยพิบัติ เพื่อรองรับกับสภาพภูมิอากาศสุดขั้ว และภัยต่าง ๆ จากภาวะโลกรวน โดยระบุว่าในปัจจุบัน ผู้คนทั่วโลกกว่า 1 ใน 3 และผู้คนในแอฟริกากว่า 6 ใน 10 ยังขาดระบบเตือนภัยพิบัติ แต่ยิ่งวิกฤตโลกรวนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนจำนวนมากก็จะยิ่งต้องเผชิญกับผลกระทบ จากสภาพภูมิอากาศสุดขั้ว ที่รวมถึงปัญหาน้ำท่วมเฉียบพลัน คลื่นความร้อน พายุ และปรากฏการณ์คลื่นพายุซัดฝั่ง โดยรายงานล่าสุดจาก IPCC เผยว่า มวลมนุษยชาติกว่าครึ่งหนึ่ง อาศัยอยู่ภายใน ‘โซนเสี่ยงภัย’ จากภาวะโลกรวน อย่างไรก็ตาม Guterres กล่าวว่าในปัจจุบัน เงินทุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate finance) ในประเทศที่มีรายได้ปานกลาง มักถูกนำไปใช้ในการลดก๊าซเรือนกระจก มากกว่าการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง แต่ความจริงแล้ว “เราค