บทความ

วาฬเกยตื้น อะไรคือเหตุที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกือบ 150 ตัวขึ้นฝั่งมาตาย

รูปภาพ
นิวซีแลนด์กับวาฬเกยตื้น: อะไรคือเหตุที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกือบ 150 ตัวขึ้นฝั่งมาตาย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการพบวาฬนำร่อง (pilot whale) เกยตื้นตายเกือบ 150 ตัวบริเวณเกาะสจ๊วต ประเทศนิวซีแลนด์ และอีกไม่กี่วันต่อมาก็พบวาฬชนิดเดียวกันเกยตื้นอีก 51 ตัว บริเวณหมู่เกาะแชทัม การเกยตื้นของวาฬตัวเดียวไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การเกยตื้นตายของวาฬนับร้อยพร้อมกันเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดและน่าพิศวง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการด้วยกันเจ็บป่วยและบาดเจ็บ "บ่อยครั้งที่สัตว์เหล่านี้ที่มาเกยตื้นเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า ได้รับอาหารไม่เพียงพอ หรือว่าไม่ได้กินอาหารเพราะว่าป่วย" ดร.ไซมอน อิงแกรม ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์ทางทะเลประจำมหาวิทยาลัยพลีมัธ กล่าว เขาบอกว่าพวกมันอาจจะป่วยในระยะสุดท้าย หรือตายในทะเล แล้วถูกซัดเข้าฝั่งมาในที่สุด แต่เขาบอกว่าโดยหลักแล้วนั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับวาฬที่ถูกซัดมาเกยตื้นตัวเดี่ยว ๆ และที่ผ่านมาก็เคยมีกรณีวาฬที่ขึ้นมาเกยตื้นพร้อม ๆ กันหลายตัวเป็นพวกที่ยังมีสุขภาพดีอยู่ แล้วอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงกั

มหาสมุทรร้อนจนระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้น 30 ซม.ก่อนสิ้นศตวรรษนี้

รูปภาพ
ภาวะโลกร้อน : มหาสมุทรร้อนจนระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้น 30 ซม.ก่อนสิ้นศตวรรษนี้ ทีมนักวิจัยนานาชาติเผยผลการศึกษาล่าสุดในวารสาร Science โดยชี้ว่าอุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรต่าง ๆ ทั่วโลกนั้น ร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้มาก ส่งผลให้น้ำทะเลเกิดการขยายตัว จนระดับน้ำอาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 30 เซนติเมตร ก่อนสิ้นศตวรรษที่ 21 นี้ ปรากฏการณ์ที่น้ำทะเลขยายตัวเนื่องมาจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น (Thermal expansion) ทำให้มีความเสี่ยงที่เมืองตามแนวชายฝั่งจะถูกน้ำทะเลหนุนท่วม นอกจากนี้ การที่มหาสมุทรร้อนยิ่งกว่าเดิมยังหมายความว่าหลายพื้นที่จะต้องเผชิญกับสภาพภูมิอากาศแปรปรวนบ่อยครั้งขึ้น เช่นการเกิดพายุที่มีความรุนแรงผิดปกติ นายซีค เฮาส์ฟาเธอร์ หนึ่งในทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์ของสหรัฐฯ บอกว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยในปี 2018 ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นปีที่มหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงสุดเท่าที่เคยมีการบันทึกสถิติมา สัญญาณของภาวะโลกร้อนนั้นสามารถตรวจพบในมหาสมุทรได้ง่ายกว่าบนบก และเนื่องจากมหาสมุทรดูดซับความร้อนส่วนเกินในชั้

อุณหภูมิโลก 4 ปีที่ผ่านมาร้อนสูงสุดทำลายสถิติ

รูปภาพ
อุณหภูมิโลก 4 ปีที่ผ่านมาร้อนสูงสุดทำลายสถิติ รายงานฉบับล่าสุดขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุว่าช่วงระหว่างปี 2015-2018 หรือตลอด 4 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยมีความร้อนแรงสูงสุดเท่าที่เคยปรากฏในบันทึกสถิติ และหากแนวโน้มของสภาพภูมิอากาศเช่นนี้ยังคงดำเนินต่อไป โลกจะมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส ภายในช่วงสิ้นศตวรรษนี้ แถลงการณ์ว่าด้วยสภาพภูมิอากาศโลกของ WMO ชี้ว่า ปีที่อุณหภูมิโลกพุ่งขึ้นสูงสุดติด 20 อันดับแรก ล้วนแต่อยู่ในช่วงเวลา 22 ปีที่ผ่านมา ส่วนปี 2018 นั้น อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยใน 10 เดือนแรกสูงกว่าระดับของยุคก่อนอุตสาหกรรม (1850-1900)  อยู่เกือบ 1 องศาเซลเซียส ทำให้ปีนี้เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับ 4 เท่าที่เคยมีการบันทึกมา แม้ปี 2018 จะมีสภาพอากาศโดยทั่วไปเย็นลงกว่าปีก่อนหน้าเล็กน้อย เนื่องจากมีปรากฏการณ์ลานีญาที่อุณหภูมิผิวน้ำในมหาสมุทรลดต่ำลง แต่ผู้เชี่ยวชาญของ WMO บอกว่า ในช่วงต้นปี 2019 อาจเกิดปรากฎการณ์เอลนีโญที่ไม่รุนแรงขึ้นได้อีก ซึ่งจะทำให้สภาพอากาศของปีหน้าร้อนขึ้นกว่าในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในระยะยาวชี้ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของ

พบกระแสเหล็กเหลวขนาดมหึมาไหลเร็วที่ใต้พื้นโลกบริเวณอลาสกาและไซบีเรีย

รูปภาพ
นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีเหล็กเหลวขนาดมหึมากำลังไหลเหมือนแม่น้ำที่ระดับลึกลงไปใต้ผิวโลกราว 3,000 กม. ตรงบริเวณอลาสกาและไซบีเรีย และมันกำลังมีความเร็วเพิ่มขึ้น กระแสของเหล็กหลอมเหลวขนาดใหญ่กว้างประมาณ 240 กม. อุณหภูมิสูงมากเกือบเท่าผิวของดวงอาทิตย์ มีความเร็วเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในช่วงเวลาไม่ถึงสองทศวรรษ และขณะนี้กำลังมุ่งหน้าไปด้านตะวันตกสู่ทวีปยุโรปด้วยความเร็ว 40 – 45 กม.ต่อปี ซึ่งเร็วกว่าของเหลวอื่นๆในแก่นโลกชั้นนอกสามเท่า ยังไม่มีใครทราบว่าทำไมกระแสเหล็กเหลวนี้จึงไหลเร็วขึ้น ทีมงานที่ค้นพบคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีมานานนับพันล้านปี และสามารถช่วยให้เราเข้าใจการเกิดขึ้นของสนามแม่เหล็กโลกที่ช่วยป้องกันอันตรายจากรังสีคอสมิคและลมสุริยะ องค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency: ESA) ได้ส่งดาวเทียมสามดวงที่เรียกว่า Swarm ขึ้นสู่วงโคจรในปี 2013 เพื่อตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลก“มันเป็นการค้นพบที่สำคัญ”  Phil Livermore หัวหน้าทีมงานจากมหาวิทยาลัยลีดส์กล่าว “เรารู้ว่ามีการเคลื่อนที่ของแก่นโลกที่เป็นโลหะเหลว แต่ยังไม่เคยสังเกตพบอย่างชัดแจ้ง จนกระทั่งได้เห็นกระแสของเ

อากาศโลกเพี้ยนหนักหิมะตกในทะเลทรายซาฮารา กว่า 3 ครั้ง ในช่วง 40 ปี

รูปภาพ
😱อากาศโลกเพี้ยนหนัก! หิมะตกในทะเลทรายซาฮารา กว่า 3 ครั้ง ในช่วง 40 ปี เกิดปรากฏการณ์หาชมได้ยาก มีหิมะตกหนักในทะเลทรายซาฮาราอีกครั้ง เมื่อช่วงเช้าตรู่วันอาทิตย์ (7 ม.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 40 ปี ที่มีหิมะตกปกคลุมทะเลทรายขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ 🔜ปรากฏการณ์หิมะตกดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณเมืองอิน เซฟรา  เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศแอลจีเรีย ตั้งอยู่ในเทือกแอตลาส  ทางตอนเหนือของทะเลทราย ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3,280 ฟุต ซึ่งสถานที่นี้ได้ชื่อว่าเป็น “ประตูสู่ทะเลทราย” หิมะที่ตกลงมานี้ปกคลุมพื้นที่บางส่วนหนาถึง 16 นิ้ว สร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก – หิมะตกครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ปี 1979 (มีหิมะปกคลุมขาวโพลนอยู่ราว 30 นาที) – หิมะตกครั้งที่สองเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ปี 2016 (มีหิมะปกคลุมขาวโพลนอยู่ราว 1 ชั่วโมง) – และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 (มีหิมะปกคลุมตั้งแต่ 7 โมง – 5 โมงเย็น)คาริม บูเชตาตา ช่างภาพและทีมงาน ที่มีโอกาสได้ถ่ายภาพเหตุการณ์ประหลาดนี้ได้ถึงสองครั้ง  – “ผมและทุกคนต่างตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นหิมะตกในทะเลทราย ซึ่

อนาคตที่มืดมนของคนรักกาแฟ

รูปภาพ
อนาคตที่มืดมนของคนรักกาแฟ งานวิจัยชิ้นล่าสุดจากทีมนักวิทยาศาสตร์แห่งสวนพฤกษศาสตร์คิว ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ พบข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เหล่าคนรักกาแฟอาจต้องเผชิญกับกาแฟที่มีรสชาติแย่ลง และมีราคาสูงขึ้น เนื่องจากปัญหาโลกร้อนส่งผลต่อคุณภาพและทำให้พื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกกาแฟลดลง งานวิจัยชิ้นนี้ ระบุว่า การผลิตกาแฟในเอธิโอเปีย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดกาแฟพันธุ์ อาราบิกาคุณภาพสูงของโลก และเป็นผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกา อาจได้รับความเสียหายหนักภายในช่วงหนึ่งร้อยปีข้างหน้า หากเราไม่ดำเนินการใด ๆ ในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญจากสวพฤกษศาสตร์คิวและทีมงาน พบว่า หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียสภายในช่วงสิ้นสุดศตวรรษนี้ ก็จะทำให้พื้นที่เพาะปลูกกาแฟคุณภาพเยี่ยมของเอธิโอเปียลดลง 60% จากพื้นที่ในปัจจุบัน ดร.แอรอน เดวีส์ นักวิจัยอาวุโสแห่งสวนพฤกษศาสตร์คิว บอกกับบีบีซีว่า "หากเรานิ่งเฉยไม่แก้ปัญหานี้ ผลผลิตกาแฟในเอธิโอเปียและทั่วโลกจะลดลง รสชาติของกาแฟที่ได้อาจแย่ลงและมีราคาแพงขึ้น" งานวิจัยชิ้นนี้สอดคล้องกับควา

Hampton Creek ทดลองผลิตเนื้อสัตว์โดยไม่ต้องมีการเลี้ยง

รูปภาพ
Hampton Creek ทดลองผลิตเนื้อสัตว์โดยไม่ต้องมีการเลี้ยง Hampton Creek บริษัท สตาร์ทอัพเตรียมพัฒนาเนื้อสัตว์ที่มาจากการปลูก ภายในห้องแลป คาดสำเร็จภายในปี 2018 บริษัท สตาร์ทอัพ ด้านอาหาร เปิดเผยว่า Hampton Creek มีแผนที่จะเพาะเนื้อสัตว์ขายส่งตามร้านค้าทั่วไปภายในปี 2018 เพื่อให้ได้เนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อไก่ที่มีความสะอาด ตลอดจนอาหารทะเล ในอุตสาหกรรม สำหรับ เนื้อสัตว์จะถูกผลิตด้วยการปลูกแบบ in vitro meat โดยมาจากการทดลอง พัฒนาในห้องแลป วิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้รสชาตที่มีความเหมือนจริงมากที่สุด ซึ่งโปรเจคต์นี้ต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แผนงานของ Hampton Creek คือการเป็นส่วนหนึ่งในการปลุกเทรนด์ สร้างทางเลือกเนื้อสัตว์ที่มาจากเทคโนโลยีขั้นสูง ที่มาจากการเลียนแบบเนื้อสัตว์แบบดั้งเดิม และลดการเลี้ยงสัตว์ ฆ่าสัตว์ลง โดยเริ่มต้นจาก Beyond Meat ที่ทำมาจากโปรตีนถั่วลันเตา จากการประกาศดังกล่าวของ Hampton Creek ถือว่าเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ที่อยู่ในวงการอาหารเป็นอย่างดี เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และช่วงหลังเริ่มมีการรณรงค์ในเรื่อง