Seed bank ที่ขั้วโลกเหนือแหล่งสำรองอาหาร วันสิ้นโลก ที่วันหนึ่งอาจช่วยปกป้องโลกจากวิกฤตการขาดแคลนอาหารได้
Seed bank ที่ขั้วโลกเหนือแหล่งสำรองอาหาร วันสิ้นโลก ที่วันหนึ่งอาจช่วยปกป้องโลกจากวิกฤตการขาดแคลนอาหารได้
ขณะที่โลกเผชิญความเสี่ยงจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น ธนาคารเมล็ดพันธุ์พืช หรือ Seed bank ถูกพิจารณาว่า อาจเป็นแหล่งกักเก็บปลอดภัย ที่วันหนึ่งอาจช่วยปกป้องโลกจากวิกฤตการขาดแคลนอาหารได้
ปัจจุบันพันธุ์พืช 2 ใน 3 ของโลกกำลังเผชิญความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จากภัยคุกคามต่างๆ ทั้งการถูกตัดทำลาย ภาวะโลกร้อน การสู้รบ และอื่นๆ
ทั่วโลกมีธนาคารเมล็ดพันธุ์ หรือธนาคารพันธุกรรมอยู่ 1,700 แห่ง ที่เก็บสะสมสายพันธุ์พืชต่างๆไว้ ซึ่งมีคุณค่าอย่างมหาศาลต่อนักวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการปกป้องอนุรักษ์
หนึ่งในนั้นคือ Svalbard Global Seed Vault หรือ อุโมงค์นิรภัยเก็บเมล็ดพันธุ์พืชโลกสฟาลบาร์ คือขุมทรัพย์แห่งความมั่นคงทางอาหารของมวลมนุษยชาติ ที่ตั้งอยู่ใจกลางขั้วโลกเหนือ ลึกลงไปภายในภูเขาหิน อุโมงค์แห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ดีเลิศ และได้รับการควบคุมดูแลโดยรัฐบาลนอร์เวย์
สถานที่แห่งนี้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Doomsday Vault หรือ แหล่งสำรองอาหารวันโลกาวินาศ ที่แห่งนี้มีเมล็ดพันธุ์ของพืชทุกชนิดที่คุณจะนึกถึง ปัจจุบัน อุโมงค์นิรภัยนี้มีตัวอย่างเมล็ดพันธุ์มากกว่า 1 ล้านตัวอย่างด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ในปี 2015 นักวิจัยจำเป็นต้องเบิกเมล็ดพันธุ์ออกมาจากธนาคารแห่งนี้ ไม่ใช่เพราะภัยพิบัติหรือภาวะโลกรวน แต่เป็นเพราะภัยจากสงครามในซีเรีย
ในอดีต นักวิจัยในเมือง Aleppo ประเทศซีเรีย เคยมีแหล่งพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่รุ่งโรจน์ นักวิจัยได้พยายามพัฒนาพันธุ์ข้าวสาลี ที่มีความทนทานต่อภัยแล้งและอากาศร้อน จนอุตสาหกรรมผลิตข้าวสาลีในซีเรียสามารถพึ่งพาตนเองได้ แต่เมื่อเกิดสงคราม ข้าวของ อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ได้รับความเสียหายหรือถูกขโมยไป นักวิจัยหลายคนหนีออกนอกประเทศ โชคดีที่ก่อนเกิดสงครามหลายปี พวกเขาได้ส่งเมล็ดพันธุ์กว่า 80% ไปเก็บไว้ในอุโมงค์นิรภัยสฟาลบาร์แล้ว
เมล็ดพันธุ์เหล่านี้มีความสำคัญอย่างมาก มันมาจากแหล่งเกษตรกรรมที่มีประวัติยาวนานนับ 10,000 ปี บนพื้นที่ที่มนุษย์เริ่มเพาะปลูกพืชจากธรรมชาติ และเป็นแหล่งของพืชพันธุ์พื้นเมืองที่ได้รับการส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้น การเบิกเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ออกมาจึงเป็นเหมือน “ภารกิจกู้ภัย เพราะเราไม่สามารถทดแทนเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ได้”
ในปัจจุบัน นักวิจัยได้เริ่มงานของพวกเขาอีกครั้งในประเทศเลบานอนและโมร็อกโก ห่างไกลจากเสียงระเบิด และภัยอันตรายจากสงคราม Mahmoud El-Solh อธิบดีของ International Center for Agricultural Research in the Dry Areas หรือ ICARDA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลธนาคารเมล็ดพันธุ์ใน Aleppo กล่าวว่า “เมล็ดพันธุ์กว่า 2 ใน 3 มาจากพื้นที่แห้งแล้ง และเป็นพืชที่ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมสุดขั้วได้ดี”
ดังนั้น ที่นี่ พวกเขาจึงได้เริ่มการเพาะปลูกพืชและเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อให้มั่นใจว่า มวลมนุษยชาติจะยังคงมีแหล่งเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในโลกยุคปัจจุบัน ที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้สภาพแวดล้อมของเราร้อนขึ้น แล้งขึ้น และมีความสุ่มเสี่ยงต่อโรคใหม่ ๆ มากกว่าเดิม
👉🏾ก่อนจบบทความนี้ผมก็มีคลิปอีกคลิปนึงทำไว้..มานำเสนอลองชมดูนะครับส่วนอีกคลิปนึงเป็นคลิป ประกอบบทความ
the last days of the world