ประกาศเมืองไหนที่ จะหายไป เพราะ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น?และจะจมในช่วงชีวิตเราหรือไม่
ประกาศเมืองไหนที่ จะหายไป เพราะ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น?และจะจมในช่วงชีวิตเราหรือไม่
ระดับน้ำทะเลกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆและรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งมีสาเหตุจากภาวะโลกร้อนที่เพิ่มน้ำในทะเล ทั้งจากการละลายของพืดน้ำแข็งและธารน้ำแข็ง และการขยายตัวของน้ำทะเลเมื่อมันร้อนขึ้น
โดยองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา NOAA คาดการณ์ว่า ในช่วงเริ่มต้นของศตวรรษหน้า ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 0.3 เมตร เหนือระดับในปี 2000 ขณะคณะกรรมการระหว่างรัฐบาล ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ IPCC คาดว่าระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 40-63 เซนติเมตร ในปี 2100
เมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้นขนาดนั้น หายนะอาจเกิดขึ้นได้ทั่วโลก โดยอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้คนกว่า 250 ล้านคนทั่วโลกในปี 2100 ดังนั้น จะมีประเทศไหน เมืองไหนที่หายไปในช่วงชีวิตของเรา และจะมีอะไรที่สามารถเปลี่ยนแปลงหายนะนี้ได้หรือไม่?
"เมืองหรือประเทศจะหายไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า เราในฐานะมนุษย์จะทำอะไรเพื่อแก้ไข หรือลดผลกระทบจากภัยคุกคามนี้หรือเปล่า พื้นที่เนเธอร์แลนด์ส่วนใหญ่นั้นอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลแล้ว แต่รัฐบาลก็ได้สร้างโครงสร้างและปกป้องพื้นที่ชายฝั่ง" Gerd Masselink ผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลและชายฝั่งจาก University of Plymouth เผย
ประเทศไหนจะได้รับผลกระทบมากที่สุด? อันดับแรกต้องมองว่าแห่งไหนอยู่ในพื้นที่ต่ำที่สุด โดยมัลดีฟส์ ถือเป็นประเทศมีพื้นที่ราบที่สุด และอยู่เหนือระดับน้ำเฉลี่ย 1 เมตร มีประชากรราว 540,000 คน ซึ่งหากมัลดีฟส์เผชิญระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น 45 เซนติเมตร จะสูญเสียพื้นที่กว่า 77% ในปี 2100
อีกหนึ่งประเทศที่มีพื้นที่ต่ำ โดยอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1.8 เมตร คือ Kiribati ซึ่งเป็นเกาะขนาดเล็กในแปซิฟิก มีประชากรเกือบ 120,000 คน โดยหากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 1 เมตร ประเทศนี้จะสูญเสีย 2 ใน 3 ของพื้นที่ไป
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้คนเกือบทุกคนที่อาศัยบนเกาะในแปซิฟิกจะเผชิญผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น โดยมีราว 3 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ระยะ 10 กิโลเมตรจากชายฝั่ง ดังนั้นพวกเขาจะต้องเคลื่อนย้ายพื้นที่อาศัย ก่อนที่จะสิ้นศตวรรษนี้
ด้านประเทศที่จะมีประชากรมากที่สุดที่เผชิญผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น คือประเทศจีน โดย 43 ล้านคนอาศัยในพื้นที่ใกล้ชายฝั่ง อีกทั้งบังกลาเทศที่ประชากร 32 ล้านคนเผชิญความเสี่ยงในปี 2100 และอินเดีย 27 ล้านคน
นอกจากนี้ พื้นที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย แทบทั้งหมดจะจมอยู่ใต้น้ำภายในปี 2050 และในปี 2100 เมืองธากา ประเทศบังกลาเทศ ลากอส ประเทศไนจีเรีย และกรุงเทพ ก็จะจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด หรือบางพื้นที่เช่นกัน
ขณะระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสหรัฐอเมริกาเช่นกัน โดยองค์กร NOAA ได้คาดการณ์ว่าเมืองใหญ่ๆจะเผชิญผลกระทบในปี 2050 ทั้งนครนิวยอร์ก ฟลอริดา และอื่นๆ
เราจะเผชิญหายนะนี้หรือไม่ และจะทำอะไรเพื่อแก้ไขได้บ้าง? การจัดการและแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน และสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ต้องทำควบคู่กันไป ทั้งการบรรเทาผลกระทบ การลดก๊าซเรือนกระจก รวมไปถึงวางแผนรับมือปรับตัวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างการสร้างโครงสร้างพื้นฐานป้องกันน้ำท่วม ปลูกป่าริมชายฝั่ง การยกระดับอาคาร ถนน หรือแม้กระทั่งการเคลื่อนย้ายผู้คนจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยง บางประเทศอาจสามารถลงทุนในเรื่องเหล่านี้ได้ แต่หลายประเทศกำลังพัฒนา อาจจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนก่อนที่จะสายเกินไป
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ว่า ประเทศไหน หรือเมืองไหนจะหายไป หรือได้รับผลกระทบมากที่สุด อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของประเทศ และเมืองนั้นๆในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาการป้องกันในระยะยาว
ท่านสามารถดูเครื่องมือคาดการณ์ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นของโลกได้ที่ https://sealevel.nasa.gov/ipcc-ar6-sea-level-projection-tool
เมืองหลวงไทยในอนาคต : Thailand 2070 เมืองไทยในอีก 50 ปี
แผ่นดินกรุงเทพมหานคร ที่ทรุดตัวลงทุกปี กับน้ำทะเลที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วันหนึ่งในอนาคตกรุงเทพฯ จะจมอยู่ใต้น้ำอย่างแน่นอน และเราต้องย้ายเมืองหลวงกันหรือไม่
ปัญหาที่รายล้อมกรุงเทพฯ ทั้งรถติด, ขยะล้นเมือง, น้ำท่วมขัง และอาชญากรรม หากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข และเพิ่มความรุนแรงขึ้น กรุงเทพฯ จะกลายเป็นมหานครที่เลวร้าย แต่เรายังมีทางออกที่จะแก้ไขมันได้หรือไม่
ทำใจแล้วละครับอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดเพราะมนุษย์นี่แหละเป็นตัวทำลายสภาพแวดล้อมทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้เสื่อมลงทั้งธรรมชาติและอื่นๆ
ผลสุดท้ายธรรมชาติก็กลับมาทำลายชีวิตมนุษย์เอง