ปราการน้ำแข็งสูงยิ่งกว่าตึกระฟ้า300 ชั้น ปิดกั้นทางเข้าทวีปอเมริกายุคโบราณเมื่อราว 20,000 ปีก่อน


ปราการน้ำแข็งสูงยิ่งกว่าตึกระฟ้า300 ชั้น ปิดกั้นทางเข้าทวีปอเมริกายุคโบราณเมื่อราว 20,000 ปีก่อน หลักฐานทางธรณีวิทยาที่ค้นพบล่าสุดชี้ว่า มีกำแพงน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่สูงตระหง่านเท่ากับตึกระฟ้า 300 ชั้น ปิดกั้นไม่ให้มนุษย์เดินเท้าอพยพเข้าสู่ทวีปอเมริกาได้ เมื่อราว 20,000 ปีก่อน ทีมนักธรณีวิทยานานาชาติจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย ตีพิมพ์ผลการศึกษาล่าสุดลงในวารสาร PNAS ฉบับออนไลน์ ประจำวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา


 โดยระบุว่าการค้นพบใหม่นี้เป็นหลักฐานอีกชิ้นที่ช่วยยืนยันว่า บรรพบุรุษของชนพื้นเมืองอเมริกันที่มาถึงทวีปอเมริกาเป็นคนแรก เมื่อราว 23,000 - 33,000 ปีก่อน ใช้วิธีล่องเรือเลาะมาตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก มากกว่าจะเดินข้ามสะพานแผ่นดินเบริงเจีย (Beringia land bridge) ที่เชื่อมต่อไซบีเรียกับอเมริกาเหนือ ซึ่งยังไม่ปรากฏขึ้นในยุคนั้น ปัจจุบันคำถามที่ว่ามนุษย์ยุคใหม่หรือโฮโมเซเปียนส์ เดินทางมาถึงทวีปอเมริกาได้อย่างไรและเมื่อใดกันแน่ ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการค้นพบหลักฐานใหม่หลายชิ้น ทั้งฟอสซิลรอยเท้ามนุษย์และเครื่องมือหินอายุเก่าแก่


 ซึ่งชี้ว่ามนุษย์ได้มาถึงดินแดนแห่งนี้ก่อนช่วงปลายยุคน้ำแข็ง ขณะที่แผ่นน้ำแข็งหนาเกือบ 1 กิโลเมตรซึ่งปกคลุมภูมิภาคอเมริกาเหนือยังไม่ละลายตัว ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเดินข้ามสะพานแผ่นดินเบริงเจีย ที่เพิ่งปรากฏขึ้นหลังน้ำแข็งละลายจนหมดเมื่อราว 14,000 - 15,000 ปีที่แล้ว มีการตรวจสอบหลักฐานทางธรณีวิทยาจำนวน 64 ตัวอย่าง ซึ่งเก็บได้จากชั้นหิน 6 แห่ง ในระยะ 1,200 กิโลเมตรของบริเวณช่องแคบแบริง (Bering Strait) 


ซึ่งเป็นสถานที่ที่สะพานแผ่นดินเบริงเจียเคยตั้งอยู่ เพื่อดูว่าชั้นหินนั้นเคยได้ขึ้นมาอยู่ที่พื้นผิวโลกเมื่อใดและคิดเป็นเวลานานเท่าไหร่แน่ โดยสามารถคำนวณได้จากปริมาณสารกัมมันตรังสีที่เกิดขึ้น เมื่อชั้นหินนั้นได้สัมผัสกับรังสีคอสมิกจากห้วงอวกาศ ผลปรากฏว่าสะพานแผ่นดินเบริงเจีย ซึ่งเป็นทางเดินปลอดผืนน้ำแข็งที่ใช้ข้ามไปทวีปอเมริกาได้นั้น ยังไม่ปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์ก่อน 13,800 ปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านั้นช่องทางดังกล่าวมีกำแพงน้ำแข็งที่หนาประมาณ 455-910 เมตร ขวางกั้นอยู่ 


ซึ่งกำแพงนี้มีความสูงยิ่งกว่าตึกเบิร์จคาลีฟา (Burj Khalifa) ซึ่งเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกเสียอีก ซึ่งเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกเสียอีก ปากทางเข้าถ้ำ Chiquihuite ในเม็กซิโก ซึ่งพบโบราณวัตถุของมนุษย์ที่อพยพมาทวีปอเมริกาตั้งแต่ 33,000 ปีก่อน ที่มาของภาพ,DEVLIN A. GANDY คำบรรยายภาพ, ปากทางเข้าถ้ำ Chiquihuite ในเม็กซิโก ซึ่งพบโบราณวัตถุของมนุษย์ที่อพยพมาทวีปอเมริกาตั้งแต่ 33,000 ปีก่อน 


 ดร. โจรี คลาร์ก ผู้นำทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยออริกอนสเตตของสหรัฐฯ กล่าวสรุปว่า "ขณะนี้เรามีข้อมูลที่ลึกซึ้งและสมบูรณ์พอจะชี้ได้ว่า ขณะที่มนุษย์กลุ่มแรกมาถึงทวีปอเมริกานั้น ยังไม่มีช่องทางเดินเท้าที่ปราศจากน้ำแข็งปกคลุม พวกเขาจึงต้องอาศัยวิธีอื่นในการอพยพเข้าสู่อเมริกาเหนือ" "หลังจากนี้เราอาจต้องศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้ทราบว่ากลุ่มคนซึ่งมาทีหลังโดยใช้สะพานแผ่นดินเบริงเจียนั้น เดินทางมาทวีปอเมริกาเมื่อใดกันแน่" ดร. คลาร์กกล่าว

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ไขปริศนาวงกลมครอปเซอร์เคิล Crop Circles

มาทำความรู้จักกับ งู Green Mamba

เกาะงูนรก Ilha da Queimada Grandeเกาะมรณะแห่งบราซิลที่ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยงู